ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ร่วมเดินไปยังสถานที่ที่เกี่ยวเนื่อง กับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พร้อมเรื่องราวความสำคัญ ศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาฝากตัว เป็นสานุศิษย์ถักทอสู่ "กองทัพธรรมพระกรรมฐาน" โดยเว็บมาสเตอร์ www.luangpumun.org และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ศิษยานุศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากรายการ แฟนพันธุ์แท้ 2018

เมนูหลัก ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น คลิ๊ก

หลวงปู่มั่น ตอบแทนคุณโยมแม่

หลวงปู่มั่นตอบแทนคุณโยมแม่

วิถีของผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ โดยเฉพาะบิดามารดาเป็นสิ่งสำคัญที่ครูบาอาจารย์ประพฤติเป็นแบบอย่าง องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้ตอบแทนคุณ โยมแม่จันทร์ แก่นแก้ว มารดาของท่าน โดยการนำพาสู่วิถีความพ้นทุกข์ เช่นเดียวกับที่ลูกชาย คือ หลวงปู่มั่น ได้ลิ้มรสมาแล้ว โดยการนำพาไปปฏิบัติธรรม ให้ได้รับผลสำเร็จสูงสุด ตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งบำรุงเลี้ยงดูตามสมณวิถี จนเป็นที่จดจำเล่าขานสืบต่อมาของผู้ที่ได้พบเห็น ตราบจนทั้งหลวงปู่มั่นและโยมแม่จันทร์ ได้จากกันอนันตกาลจบสังสารวัฏนี้

✤พาโยมแม่ออกปฏิบัติ✤


วัดถ้ำสาริกา อ.เมือง จ.นครนายก

ภายหลังจากที่ องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้ธรรมอัศจรรย์ จากการบำเพ็ญเพียร ณ ถ้ำสาริกา อ.เมือง จ.นครนายก แล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษา ณ วัดบูรพา อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พ.ศ. 2458 เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านได้เดินทางกลับไปยังดินแดนถิ่นกำเนิด บ้านคำบง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี เพื่อรับโยมแม่จันทร์ มาบวชชี และพาไปบำเพ็ญธรรม ให้อยู่ในการชี้แนะของหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ณ วัดถ้ำจำปา อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร


วัดถ้ำจำปา อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

จากบันทึกประวัติหลวงปู่มั่น โดยหลวงพ่อวิริยังค์ ได้กล่าวไว้ดังนี้

....เมื่อโยม (แม่) ได้เห็นท่านก็มีความดีอกดีใจมาก เพราะท่านได้จากไปเสียนาน เมื่อท่านได้ปราศรัยเล่าถึงการเดินทางธุดงค์ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนได้แสงสว่างแห่งธรรม ให้แก่โยมฟัง จนเป็นที่พอใจแล้ว
ท่านก็ย้อนมาพูดถึงการปฏิบัติ โดยขอร้องให้โยมพยายามปฏิบัติจิต อันเป็นทางแห่งความพ้นทุกข์

ทางโยม มารดาก็ได้มีความสนใจเป็นกรณีพิเศษ ได้ทำตามคำแนะนำทุกประการ และจิตก็เป็นไปได้ตามจริงที่เกิดขึ้น ได้รับความเย็นใจ มีศรัทธาแก่กล้าลาลูกหลานออกบวชเป็นชี

ก่อนเข้าพรรษานี้ปรากฏว่ามารดาของท่านอาจารย์มั่นฯ ซึ่งกระหายต่อการปฏิบัติศึกษาธรรม อยู่มิวาย จึงอุส่าห์ล้มลุกคลุกคลานตามวิบากของคนแก่ติดตามไปที่ถ้ำภูผากูด เพื่อศึกษาอบรมตน ให้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมปฏิบัติ


วัดถ้ำจำปา อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

ท่านอาจารย์เสาร์ จึงได้บวชชีให้อยู่ปฏิบัติ ณ ถ้ำนี้โดยจองเอาที่เงื้อมแห่งหนึ่ง เป็นที่ปฏิบัติธรรม เร่งความเพียรทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน อยู่ที่ถ้ำนั้น...

 

✤ใต้ร่มธรรมหลวงปู่เสาร์✤

จากบันทึกประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ โดย พระธมฺมธโร ได้กล่าวถึงความศรัทธาของโยมแม่จันทร์ที่มีต่อหลวงปู่เสาร์ ในคราวที่หลวงปู่มั่นได้จาริกมายังแถบ จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นดินแดนบ้านเกิดของหลวงปู่จาม ไว้ดังนี้

"เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) บอกสอน (โยมแม่จันทร์) ต้องไม่ฟังความ ต้องอาศัยเพิ่นครูบาอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) เป็นผู้ชี้แจงแนะนำ พูดอย่างใดก็ทำตามยินดีตาม เพราะแม่ชีคนเฒ่ายอมใจเคารพนับถือ"


ถ้ำแม่ขาว ภายใน วัดถ้ำจำปา อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร สถานที่ซึ่งเชื่อว่า คุณแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว บำเพ็ญภาวนา

"...มาพาเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) อยู่วัดถ้ำจำปาเพื่อให้ครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) เป็นผู้บวชและสอนธรรมะให้แก้ไขให้แก่คุณแม่ชีจันทร์ (แก่นแก้ว) จนที่สุดคนเฒ่าได้ธรรมะอริยภูมิชั้นพระอนาคามีหนีไปได้ ไม่ลงมาอีก (ไม่กลับมาเกิด)"

"แต่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ผู้เป็นลูกชายบอกสอนไม่ได้หรอก คนเฒ่าไม่ยอมฟังคำ หากวันไหนที่เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) สอนธรรมะบอกอุบายธรรมให้กับคนเฒ่าเป็นอันต้องอ้างเหตุต้องอ้างผลกันอยู่เสมอ แต่... พอเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) บอกสอนอุบายธรรมไม่กี่คำหรอก คนเฒ่าก็เอาไปแก้ไขตัวเองภายในของตัวเอง


ถ้ำแม่ขาว ภายใน วัดถ้ำจำปา อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร สถานที่ซึ่งเชื่อว่า คุณแม่ชีจันทร์ แก่นแก้ว บำเพ็ญภาวน

นั่งภาวนาจนสว่างไปทั่วถ้ำ แจ้งสว่างไปทั้งหมดในถ้ำที่คนเฒ่านั่งภาวนาอยู่ เหตุเพราะว่าคุณแม่ชีคนเฒ่า เคยเป็นลูกศิษย์ของเพิ่นครูอาจารย์เสาร์ (กนฺตสีโล) มาหลายภพชาติชีวิต บอกว่าอันใด สอนอันใดก็เชื่อฟังหมด..." (พระธมฺมธโร พ.ศ.2555 หน้าที่ 46-48)

“เราหายสงสัยแล้ว เราจะไม่มาเกิดอีกแล้ว” จึงเป็นที่พอใจของท่านอาจารย์มั่นฯ เป็นอย่างยิ่ง แล้วท่านอาจารย์มั่นฯ ก็ได้บอกแก่โยมมารดาของท่านว่า

“บัดนี้อาตมาภาพได้ทดแทนบุญคุณของคุณโยมหมดแล้ว เป็นการทดแทนที่ได้สิ้นสุดลงเป็นการสุดท้าย”
จากนั้นท่านอาจารย์มั่นฯ ท่านได้พยากรณ์มารดาของท่านกับพระรูปอื่น ”มารดาของท่านได้เป็นอริยบุคคลชั้นที่ 3” (ตามคำบอกเล่าของท่านอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ) .... (หลวงพ่อวิริยังค์ พ.ศ.2541 หน้าที่ 183 - 185)

 

✤ดูแลอาหารกายตามสมณวิถี✤

นอกจากการบำรุงเลี้ยงด้วยธรรมะแล้ว ในส่วนของอาหารทางกาย ภัตตาหารที่องค์หลวงปู่มั่น ได้รับจากการบิณฑบาตร ท่านจะแบ่งให้โยมแม่ก่อน หรือส่งอาหารให้เท่าที่จะหาได้ โดยมีรายละเอียดจากบันทึกประวัติหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, คำบอกเล่าของชาวบ้านสามผง และ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก ดังนี้

คาดว่า ภายหลังโยมแม่ชีจันทร์ ได้อยู่อารมภาวนากับองค์หลวงปู่เสาร์ จนได้รับผลเป็นที่พอใจแล้ว ในปี พ.ศ.2464 ที่องค์หลวงปู่มั่น ได้จำพรรษาที่บ้านห้วยนั้น องค์หลวงปู่มั่น ได้เดินทางมารับโยมแม่ชีจันทร์ ไปดูแลต่อ ในพรรษานั้น (ซึ่งใน 6 ปี ต่อมา องค์หลวงปู่มั่น จะได้พาโยมแม่ชีจันทร์ กลับบ้านคำบง ในออกพรรษาปี พ.ศ.2470) และคาดว่าองค์หลวงปู่มั่น ได้พาโยมแม่ชีจันทร์ มาดูแล ณ บ้านหนองลาด ในพรรษาปี พ.ศ.2465 ณ วัดมหาชัย ในพรรษาปี พ.ศ.2466


วัดป่าสาระวารี บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

และที่ เสนาสนะป่าบ้านค้อ ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2466 - พ.ศ.2467 ซึ่งปัจจุบัน คือ วัดป่าสาระวารี อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี คาดว่าโยมแม่ชีจันทร์ ก็ได้มาพักที่เสนาสนะป่าบ้านค้อ เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในพรรษากาลปี พ.ศ.2467 ทั้งองค์หลวงปู่เสาร์ กับองค์หลวงปู่มั่น ได้จำพรรษาด้วยกัน 

จากบันทึกประวัติของ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ได้ถวายตัวเป็นศิษย์ พระบูรพาจารย์ทั้งสองรูป ครั้งแรก ณ เสนาสนะป่าบ้านค้อ ต่อมาหลวงปู่มั่น ได้มาวิเวกยังบ้านนาหมี ซึ่งหลวงปู่อ่อน ได้ติดตามมาในภายหลังแต่ไม่ทันกัน เมื่อมาภาวนาอยู่ที่บ้านนาหมี ในระยะเวลาหนึ่ง หลวงปู่อ่อน ต้องพบกับความหวาดกลัว เนื่องจากต้องผจญกับเสือ ซึ่งหลวงปู่มั่นได้เมตตามาเยี่ยมและให้กำลังใจ และองค์หลวงปู่มั่น ยังได้นำอาหารป่าบ้านนาหมี ไปสงเคราะห์โยมแม่จันทร์ แก่นแก้ว มารดาของท่านด้วย

โดยหลวงปู่อ่อนได้บันทึกในอัตตโนประวัติถึงคำกล่าวของหลวงปู่มั่นไว้ว่า

"ผมไปส่งของส่งอาหารแม่ออก (คือ โยมแม่ชีจันทร์) ผมแล้ว พักอยู่พอหายเหนื่อยสมควรแล้ว ถ้าผมไม่มีขัดข้องจำเป็นอะไรอีกแล้ว ผมก็จะกลับมาวิเวกอยู่ในดงกับท่านเร็วดอก" ( อัตตโนประวัติ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ)
จากคำบอกเล่าของ พระครูปัญญาสีลคุณ (สังคม ปัญญาสาโร) เจ้าอาวาสวัดป่าสาระวารี บ้านค้อ ในปัจจุบัน ได้กล่าวว่า บริเวณที่เป็นที่พักของแม่ชี อยู่บริเวณมุมหนึ่งของวัด ซึ่งปัจจุบัน คือ บริเวณซุ้มประตูของวัด

ในปี พ.ศ.2468 จำพรรษา ณ วัดอรัญญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ออกพรรษาได้ย้อนกลับมาที่ บ้านหนองลาด และได้รับอาราธนาไปยัง บ้านสามผง

 

มรดกวัฒนธรรมโยมแม่ชีจันทร์

ในปี พ.ศ.2469 ที่องค์หลวงปู่มั่น ได้รับอาราธนามาจำพรรษายัง บ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ยังมีร่องรอยมรดกวัฒนธรรม ที่โยมแม่ชีจันทร์ได้มอบให้ไว้ จากความทรงจำของชาวบ้านสามผง ยังกล่าวว่า คุณแม่ชีจันทร์ ได้สอนการทำอาหาร ทางอีสานใต้ไว้หลายอย่าง และการทำข้าวยาคู เพื่อใช้ถวายคณะสงฆ์ ทำให้การทำอาหารดังกล่าวตกทอดมาถึงปัจจุบัน ส่งผลให้อาหารบางอย่างของบ้านสามผง ไม่เหมือนชุมชนใกล้เคียง


พระเนาว์ (องค์ซ้าย) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่ บ้านสามผง


ชาวบ้านสามผง กับลำน้ำสงคราม แหล่งน้ำสำคัญ และแหล่งวัตถุดิบในการแปลรูปอาหารขึ้นชื่อ


ส่งโยมแม่กลับบ้านเกิด

พอออกพรรษาที่บ้านสามผงแล้ว องค์หลวงปู่มั่น ได้เดินทางมายังบ้านโนนแดง มีการประชุมคณะศิษย์ ที่แถบพื้นที่ ที่จะเดินทางไปบำเพ็ญภาวนาและเผยแผ่ธรรมต่อไป ซึ่งมีมติว่า จะเดินทางไปยัง จ.อุบลฯ หนึ่งในภารกิจการเดินทาง คือ การไปส่งโยมแม่ชีจันทร์ กลับสู่ดินแดนเกิด บ้านคำบง เพื่อให้ญาติพี่น้องดูแล ซึ่งองค์หลวงปู่มั่น ที่ได้ตอบแทนโยมแม่ ด้วยธรรมวิสุทธิ์ในดวงใจ จนถึงที่สุดแล้ว แต่ในด้านธาตุขันธ์ที่ชราไปตามวัย สุดกำลังที่จะดูแลให้ได้รับความสะดวกได้เต็มที่ ในวีถีของสงฆ์ ซึ่งจากประวัติหลวงปู่มั่น โดย หลวงตามหาบัว ได้บันทึกไว้ ดังนี้

....ท่านเล่าว่า “พอเร่งความเพียรทางปัญญาเข้ามากทีไร ยิ่งทำให้จิตใจจืดจางออกจากหมู่คณะมากขึ้น และกลับดูดดื่มทางความเพียรมากเข้าทุกที ทั้งที่ทราบเรื่องของตัวมาโดยลำดับว่ากำลังของเรายังไม่พอ แต่ก็จำต้องอยู่รออบรมหมู่คณะพอให้มีหลักฐานทางใจบ้าง

ประกอบระยะนั้นท่านรับโยมมารดามาบวชเป็นอุบาสิกาอบรมอยู่ด้วยประมาณ 6 ปี จะไปมาทางใดไม่ค่อยสะดวก ทำให้เป็นอารมณ์ห่วงใยอยู่เสมอ เลยทำให้ท่านตัดสินใจจะเอาโยมมารดาไปส่งที่จังหวัดอุบลราชธานี มารดาท่านก็เห็นดีด้วยไม่ขัดอัธยาศัย......”

 

ญาติโยมช่วยแบ่งเบาองค์หลวงปู่มั่น
จากคำบอกเล่าของ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก ท่านเป็นลูกหลานบ้านห้วยทราย ได้เมตตาเล่าถึงความทรงจำจากโยมย่าของหลวงพ่ออินทร์ถวาย ที่เล่าสืบต่อกันมา เมื่อครั้ง องค์หลวงปู่มั่น และคณะศิษย์ ได้เดินทางลงมาจาก บ้านสามผง จ.นครพนม มาพักที่บ้านห้วนทราย ก่อนจะเดินทางไปยังบ้านหนองขอน ก่อนเข้าพรรษา ปี พ.ศ.2470  ถึงความประทับใจที่ได้เห็นความใส่ใจดูแลโยมแม่จันทร์ ขององค์หลวงปู่มั่น ที่เป็นคติตัวอย่างเตือนใจ

โยมย่าของหลวงพ่ออินทร์ถวาย ชื่อ นางมะแง้ ผิวขำ ได้สังเกตเวลาองค์หลวงปู่มั่นกลับจากบิณฑบาต ในช่วงที่ท่านมาพำนักยังบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ท่านจะไปหาโยมแม่ เพื่อนำอาหารที่รับมาให้โยมแม่จันทร์ก่อน และเมื่อองค์หลวงปู่มั่นฉันเสร็จแล้ว ท่านจะนำอาหารไปมอบให้โยมแม่จันทร์ด้วยตัวท่านเองอีกครั้ง ซึ่งในอดีตบ้านห้วยทรายยังเป็นบ้านน้อยห่างไกลความเจริญ ของที่ได้จากการบิณฑบาต ก็ไม่ได้มากมาย ทำให้นางมะแง้ เห็นเหมาะสมที่จะทำอาหารอีกชุดหนึ่งไปมอบให้ โยมแม่จันทร์ เพื่อแบ่งเบาองค์หลวงปู่มั่นอีกทาง

ในเช้าวันหนึ่ง เมื่อนางมะแง้ ได้มอบอาหารให้โยมแม่จันทร์แล้ว เมื่อองค์หลวงปู่มั่นมามอบอาหารให้โยมแม่จันทร์ ตามที่เคยได้ทำมา
โยมแม่จันทร์ได้ห้าม และบอกกับพระลูกชายว่า แม่แดง (คือ นางมะแง้ ซึ่งมีลูกชายชื่อแดง) ได้นำอาหารมาให้แล้ว ไม่ต้องห่วงแม่

กล่าวกันว่า การเดินทางนั้น เนื่องจากทางเดินขรุขระ ทุรกันดาร ชาวบ้านเห็นว่าเพื่อเป็นการรักษาธาตุขันธ์คุณแม่ชีจันทร์ ให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด ชาวบ้านได้ทำเป็นเปลห้อยลงมาจากไม้คานท่อนเดียว แล้วให้คนหามคานหน้าหลัง แล้วให้แม่ชีจันทร์ นอนลงในเปลนั้น ตลอดระยะทาง


บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ในปัจจุบัน บริเวณองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้มาพัก ได้ก่อสร้างเป็น วัดป่าหนองน่อง

 

อำลาครั้งสุดท้าย ในสังสารวัฏ

โยมแม่จันทร์ที่ได้บำเพ็ญเพียรเป็นที่พอใจแล้ว และอยู่ในวัยชราสุดกำลังที่องค์หลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นสมณะ จะดูแลได้อย่างใกล้ชิด ในปี พ.ศ.2470 องค์หลวงปู่มั่น กลับมาจังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง เพื่อส่งโยมแม่กลับสู่ภูมิลำเนาเดิม ในวาระสุดท้ายนั้น โยมแม่จันทร์ ได้กล่าวกับองค์หลวงปู่มั่น ตามบันทึกประวัติองค์หลวงปู่มั่น โดยหลวงพ่อวิริยัง สิรินฺธโร กล่าวไว้ว่า

“ลูกเอ๋ย อย่าได้ห่วงแม่เลย ลูกไม่มีหนี้สินในแม่แล้ว ลูกได้อุตส่าห์พากเพียรเรียนธรรมวินัย ก็ได้มาสงเคราะห์ให้แม่นี้ได้รู้จักหนทางแห่งข้อปฏิบัติแล้ว แม่ก็จะดำเนินข้อปฏิบัติของตนไปตามหนทางที่ได้รู้แล้วนั้น จนตราบเท่าชีวิตของแม่ ก็ขอให้ลูกจงประพฤติพรหมจรรย์ไปโดยสวัสดีเทอญ” (หลวงพ่อวิริยังค์ พ.ศ.2541 หน้าที่ 228)

เมื่อสังขารของโยม (แม่) แก่หง่อมแล้ว ความชราเข้าครอบงำ ลูกหลานขอให้รับประทานอาหาร ในตอนเย็นก็ไม่ยอม โยมมารดาของท่านพูดว่า

“เราต้องมีศีล 8 เป็นวิรัติตลอดชีวิตของเรา”



บ้านคำบง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ในปัจจุบัน

เมื่อถึงกาลที่โยมมารดาของท่านจะสิ้นชีวิต ท่านก็ได้บอกถึงวัน เดือน ปี เวลาบ่าย 3 โมงเย็นว่า จะถึงแก่กรรม เมื่อถึงกาลนั้น ก็ได้ถึงแก่กรรมตามที่พูดไว้ ด้วยความสงบจริงๆ ในตอนสุดท้าย เมื่อท่านอาจารย์มั่นฯ ได้ทราบวันเวลาแล้ว ท่านก็ได้ไปทำฌาปนกิจศพมารดาของท่าน ด้วยตัวท่านเอง (หลวงพ่อวิริยังค์ พ.ศ.2541 หน้าที่ 185)

จากคำบอกเล่า ได้กล่าวว่า ภายหลังออกพรรษาปี พ.ศ.2470 เมื่อองค์หลวงปู่มั่น เดินทางไปส่งโยมแม่จันทร์ ยังบ้านคำบงได้ 3 วัน โยมแม่ชีจันทร์ ก็ได้สิ้นอายุขัยจากปี องค์หลวงปู่มั่น ได้ทำฌาปนกิจทำหน้าที่ลูกได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ท่านได้จากลาบ้านเกิด เพื่อทำธุระขององค์ท่านเอง ให้แจ่มแจ้งต่อไป

 

แฟนพันธุ์แท้ศิษย์หลวงปู่มั่น (อัพเดท 12/08/68 วันแม่แห่งชาติ)

อ้างอิง
1) ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร โดย หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโณ พ.ศ. 2547
2) ประวัติหลวงปู่มั่นฉบับสมบูรณ์ โดย หลวงพ่อวิริยังค์ ฯ พ.ศ. 2541
3) อัตโนประวัติ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ (Online) https://watpamumaichiangmai.tripod.com/loungpuoonprawat.htm
4) ธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ โดย พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว พ.ศ.2553
ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก ได้เมตตาเล่าเรื่องราว หลวงปู่มั่น ดูแลโยมมารดา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2565 ณ วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
ขอขอบคุณ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
https://www.facebook.com/304819377129620/posts/1114033329541550/