สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศน์ ทรงเสด็จมาสืบข้อเท็จจริง
 จากบันทึกของหลวงปู่วิริยังค์ สิรินฺธโรหน้า
: [ 1 | 2 ]

      สมเด็จกรมหลวงวิชิรญาสวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงพำนักอยู่หลายวัน วันหนึ่งจึงชวนพระอาจารย์กงมาไปเที่ยวธุดงค์ บอกว่า "กงมา เธอเคยไปเที่ยวธุดงค์ที่ไหน พาเราไปหน่อยได้ไหม" พระอาจารย์กงมาสงสัย และเกิดความเคารพในสมเด็จฯ อย่างสูง คิดว่า "เอ อยู่ดีๆ ยังไงจึงจะให้เราพาไปธุดงค์ จะห้ามก็ไม่ดี ครั้นจะไปก็เป็นห่วงว่าจะต้องไปนอนกับดิน ใต้โคนไม้ อาหารรจะไม่ดี แต่ว่าเมื่อพระองค์จะหัดตัดกิเลสก็จำเป็น ไปก็ไป" พระอาจารย์จึงจัดกลดมุ้งบริขารของพระธุดงค์ถวายสมเด็จฯ และบอกให้ ส.ณ.วิ.ไปด้วยกัน วันนี้เป็นวันพิเศษแปลกประหลาด สมเด็จพระสังฆราชเจ้าไปธุดงค์กับพวกเรา พอจัดบริขารเสร็จแล้วสมเด็จฯ ก็แบกกลดตะพายบาตร ตะพายย่าม เช่นกับพระอาจารย์กงมาฯ และ ส.ณ.วิ. ส.ณ.วิ.จะไปขอแบกกลดแทนก็ไม่ให้ ขอตะพายบาตรให้ก็ไม่ให้ ขอตะพายย่ามให้ก็ไม่ให้ และทรงรับสั่งว่า "เฮ้ยวันนี้กันเป็นพระธุดงค์" ว่าแล้วก็ให้พระอาจารย์กงมาฯ เดินก่อน และสำทับพระอาจารย์กงมาว่า "นี่กงมาเธออย่าพูดว่ากันเป็นสมเด็จพระสังฆราชนะ ถ้าใครถามก็บอกว่ากันเป็นหลวงตาก็แล้วกัน แล้วหันมาที่ ส.ณ.วิ.บอกว่า "เณร - เณร อย่าเรียกกันว่าสมเด็จฯ เป็นอันขาด ให้เรียกกันว่าหลวงตา" เป็นว่าพระอาจารย์กงมาเดินก่อน สมเด็จฯ เดินตามพระอาจารย์กงมา ส.ณ.วิ.เดินตามหลัง มันเป็นบรรยากาศที่ไม่เคยมีมาในกาลก่อน และจะหาบรรยากาศแบบนี้อีกเห็นจะไม่มีอักแล้ว ส.ณ.วิ.เดินไปคิดว่า "โอ้โฮ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงถ่อมพระองค์ละหมดทุกอย่าง หวังเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสเดินธุดงค์กับพวกเรา"

      พระอาจารย็ได้นำสมเด็จฯ เดินไปหลายกิโลเมตรตามทางที่เคยไปธุดงค์ ค่ำไหนนอกนั่น พระองค์กางกลดไม่เป็น ส.ณ.วิ.ไปกางถวาย ท่านทรงยืนดูข้าพเจ้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ข้าพเจ้าเอาผ้าอาบน้ำฝนปูแทนเสื่อเอาตีนบาตรตั้งเอาผ้าทับถวายแทนหมอน ทรงบรรทมกับดินตามปกติ เมื่อญาติโยมทราบว่าพระอาจารย์ฯ ธุดงค์ เขาก็มาหาพระอาจารย์เป็นจำนวนมากบ้างน้อยบ้าง พระอาจารย์ฯ ก็พาพวกเขาเหล่านั้นนั่งสมาธอกันทั้งนั้น และมาอย่างเคารพนบนอบ กลับอย่างมีระเบียบ ตอนเช้าพระอาจารย์ก็นำสมเด็จฯ บิณฑบาตรตามบ้าน ส.ณ.วิ.เดินตามหลังเช่นนี้ทุกวัน และทรงอดทนเป็นอย่างดีเยี่ยมมาก วันหนึ่งหลังจากเดินทางมาหลายกิโลเห็นจะทรงเหนื่อยพอสมควร หลังจาก ส.ณ.วิ.ได้กางกลดปูที่นอนถวายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประมาณเที่ยงคืนเศษๆ ฝนได้ตกลงมาเสียยกใหญ่ ส.ณ.วิ.รีบเข้าไปที่กลดของสมเด็จฯ และบอกว่าจะขอช่วนเก็บของ หรือช่วยบางอย่างเท่าที่จะช่วยได้แต่ถูกปฏิเสธ เพราะท่านต้องการจะช่วยพระองค์เอง ส.ณ.วิ.ก็จนใจและกลับมาที่กลดของตน

      รุ่งเช้าสมเด็จฯ ทรงสั่น เพราะผ้าจีวรและข้าวของใช้เปียกหมด ส.ณ.วิ. รีบเข้าไปจัดการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าก่อไฟเพื่อถวายสมเด็จฯ ได้ผิงบิดผ้าจีวรขึงสายระเดียง นำผ้าที่เปียกออกผึ่ง สมเด็จฯ ผิดไปได้รับความอุ่นได้บอกขอบใจสมเณรวิริยังค์ ส.ณ.วิได้เห็นภาพของสมเด็จฯ กำลังนั่งผิงไฟซึ่งมีแต่สบงและอังสะชุ่มๆ รู้สึกสงสารอย่างจับใจ ส.ณ.วิ. พยายามตะช่วยเหลือพระองค์ทุกๆ อย่างเท่าที่จะทำได้ แต่สมเด็จฯกลับสดชื่นไม่แสดงถึงความหดหู่ใจแต่อย่างใด แสดงว่าพระองค์มีใจเข้มแข็งมากน่าอัศจรรย์แท้ สมเด็จฯ ทรงสุขสบายในกุฏิใหญ่โตที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร แต่ทรงมานั่งทุกข์ทรมานหนาวเหน็บผิงไฟไม่มีใครดูแล มีเพียงเราและพระอาจารย์ซึ่งเป็นการแปลกที่สุด ขณะนั้นพระอาจารย์กงมาได้เข้ามาดูแลสมเด็จฯ ด้วย สมเด็จฯ ชักสงสัยว่าเอพวกเธอไม่เห็นมีใครเปียกปอนจากฝนตก มีอะไรป้องกันหรือทั้งๆ ที่กลดก็มีเหมือนกัน แต่กันฝนไม่ได้ สมเด็จฯ จึงรับสั่งถามพระอาจารย์กงมาว่า "กงมาทำไมเธอจึงไม่เปียก" "กระผมมีคาถากันฝนครับ" พระอาจารย์กงมาตอบ "เอ กงมามีคาถากันฝน" สมเด็จทวนคำ เมื่อธุดงค์ได้พอสมควรแล้ว พระอาจารย์ก็ได้นำสมเด็จฯ กลัววัดทรายงาม ส.ณ.วิ.กลัวว่าสมเด็จฯ จะป่วนเพราะอายุมากแล้ว แต่พอกลับถึงวัดทรายงามพระองค์กลับกระปรี้กระเปล่าสบายและสดชื่น เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ แต่สมเด็จฯ ยังไม่หายสงสัยว่าทำไมพวกเรามีคาถากันฝนได้ แต่ไม่ยักบอกพระองค์ท่านปล่อยให้พระองค์ท่านเปียก วันหนึ่งขณะที่ ส.ณ.วิ.เข้าไปกราบ สมเด็จฯ จึงเรียก ส.ณ.วิ. ว่า "วิริยังค์มานั่งที่นี่" ส.ณ.วิ.รีบเข้าไปกราบ สมเด็จฯ ได้รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า "วิริยังค์ เธอจงบอกคาถากันฝนให้เราทีได้ไหม" ข้าพเจ้าตอบว่า "กระหม่อมบอกถวายไม่ได้ครับ" "ทำไมล่ะเณร" สมเด็จถาม ส.ณ.วิ. กราบทูลว่า พระอาจารย์ห้ามไม่ให้บอก "เออน่า จงบกคาถานั้นแก่เราเดี๋ยวนี้" สมเด็จฯ รับสั่งเชิงบังคับ ส.ณ.วิ. จึงบอกความจริงแก่สมเด็จฯ ว่า "บาตรคือคาถากันฝน" "เฮ้ย บาตรเป็นคาถากันฝนได้ยังไง" สมเด็จฯ ทวนคำ "ได้ครับ" ส.ณ.วิ.กราบทูลและอธิบายว่า "เมื่อฝนตกก็เอาผ้าจีวรสบงผ้าที่ต้องการใช้ใส่ลงในบาตร แล้วเอาฝาบาตรปิด ฝนก็ตกเข้าไปในบาตรไม่ได้ เวลาฝนหยุดก็เอาออกมาใช้ ผ้าไม่เปียกนี่ครับคาถากันฝนครับ " สมเด็จฯ ทรงอุทานว่า "อ้อๆๆ บ๊ะแล้วกัน เราเพิ่งจะได้คาถากันฝนกับเณรเดี๋ยวนี้เอง กงมาช่างไม่บอกกันได้" แล้วก็ทรงพระสรวลเสียนาน

      ประมาณการมาพักอยู่ที่วัดทรายงามกว่า ๑๕ วัน เมื่อมาทราบภายกลังว่า สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเสด็จมาเพื่อสอบสวนหาความจริงจากพฤติการณ์ของ พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ พระอาจารย์ในคณะกรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นการสอบสวนที่พระองค์ต้องลงทุนด้วยกำลังความสามารถ และมีพระประสงค์ทราบข้อเท็จจริง ไม่เฉพาะแต่บุคคลมาทูลฟ้องแล้วเชื่อไปเลย ซึ่งจะทำให้เสียประโยชน์อย่างใหญ่หลวงในวิธีการปกครอง แต่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นนอกจากจะรู้ความจริงแล้ว ยังมีผลต่อการปกครอง แต่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นนอกจากจะรู้ความจริงแล้ว ยังมีผลต่อการปกครองเป็นอย่างยิ่ง เป็นการดำเนินการถูกต้องที่สุด ผู้อยู่ภายใต้การปกครอง แต่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นนอกจากจะรู้ความจริงแล้ว ยังมีผลต่อการปกครองเป็นอย่างยิ่ง เป็นการดำเนินการถูกต้องที่สุด ผู้อยู่ภายใต้การปกครอง เช่น พระอาจารย์กงมาและข้าพเจ้าเมื่อทราบข้อเท็จจริงภายหลังก็มีความรักและเคารพพระองค์สูงขึ้นทุ่มเทกำลังกยกำลังใจช่วยงานพระพุทธศาสนาเท่าที่พระองค์จะสั่งการมา การกระทำของสมเด็จฯ ครั้งนี้ได้ผลระยะยาวจริงๆ ทุกปีข้าพเจ้าจะเห็นพระอาจารย์นำผลไม้เมืองจันทบุรีไปถวายที่กรุงเทพฯ ซึ่งการกระทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเกิดขึ้นจากพระเลขาบ้าง พระผู้อยู่ใกล้ชิดบ้าง พระผู้ประจบสอพลอบ้าง รู้มางูๆ ปลาๆ ก็เพ็ดทูลบอกกล่าวฟ้องไป จึงเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น ผู้ใหญ่ผู้ปกครองก็ได้รับการดูถูกดูแคลน ผู้อยู่ใต้ปกครองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งๆ ที่ช่วยอย่างสูงสุด กลับไม่ได้รับการดูแล ก็ไม่รักเคารพพระผู้ใหญ่ เพราะปกครองไม่ดี เอาแต่ถือตัวว่าใหญ่ แล้วก็มองผู้น้อยไปในทางต่ำเกินไป เสียการปกครองหมด เสียบุคคลากรที่มีความสามารถช่วยงานพระศาสนา เพราะเหตุแห่งความไม่รอบคอบ หากว่าพระเถระ มหาเถระทั้งหลายจะพึงดำเนินงานตามแนวของสมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ที่ทรงสอบสวนพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ดังที่ข้าพเจ้าได้บันเล่ามานี้ พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะสูงขึ้นและสูงขึ้น เพราะความที่ผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้การปกครอง เข้าใจซึ่งกันและกัน ด้วยประการฉะนี้

      เป็นอันว่าทุกๆ ข้อที่มีพวกฆราวาสและพระฐานันดรศักดิ์น่าเชื่อถือได้ทั้งนั้น มาเพ็ดทูลฟ้องต่อพระองค์ แต่พระองค์ก็ทรงแสวงหาความจริงด้วยการเสียสละอย่างสูง ได้พบความจริงที่แน่แท้ด้วยความพยายามอย่างลึงซึ้งด้วยพระองค์เอง โดยการเข้าสัมผัสกับข้อเท็จจริงทุกๆ ข้อ แม้จะมีผู้มาเพ็ดทูลอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อต่อไปอีกแล้ว ได้ผลการปกครองและแก่พระพุทธศาสนาระยะยางอย่างแท้จริง พระอาจารย์กงมาฯ ไดสั่งกับข้าพเจ้าว่าเธอจงรักและเคารพสมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชอย่างมากและอย่างสูงสุด คำสั่งนี้แม้พระอาจารย์ของข้าพเจ้าจะมิได้สั่งข้าพเจ้าเองก็จารึกอยู่ในความทรงจำ สามารถที่จะสละชีวิตถวายพระองค์ท่านด้วยความเต็มใจ เพียงแต่กระซิบเท่านั้น จะให้ข้าพเจ้าทำอะไรที่พระองค์ท่านประสงค์ ข้าพเจ้าจะพลีชีพถวายท่านอย่างไม่มีความขัดข้องเลย ส่วนพระเถระที่แสดงอำนาจบาทใหญ่แก่ข้าพเจ้านั้น อย่าว่าแต่จะสั่งงานให้ข้าพเจ้าทำและก็ไม่อยากจะทำแล้วยังกราบไม่ลงอีกด้วย ด้วยเหตุอย่างนี้ ข้าพเจ้าจึงใคร่ขออำนาจแห่งสัจจธรรม จงดลบันดาลให้ท่านพระเถระในวงการพระพุทธศาสนาบักเกิดพระมหาเถระผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมเช่นกันด้วยกับสมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ามากๆ องค์ทุกยุคทุกสมัยด้วยเถิด


จากหนังสือ " ชีวิตคือการต่อสู้ : ประวัติและผลงาน พระราชธรรมเจติยาจารย์ ( หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร )"
โดย พระมหาสุพล ขันติพโล และคณะ
Update ๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๖

< หน้าก่อน     หน้าหลัก >

WWW.LUANGPUMUN.ORG